BIKEMAN 2 (2019) ไบค์แมน 2
ไบค์แมน 2 ภาคต่อของหนังไทยม้ามืดปีก่อน ที่แจ้งเกิดเป็นหนังตลกน้ำดีที่ซ่อนดราม่าประทับใจเอาไว้ในเรื่องราวอย่างไม่น่าเชื่อ หน้าหนังดูจากเทรลเลอร์ไม่มีส่วนนี้เลย แต่หนังกลับผูกปมเรียกน้ำตาไว้อย่างดีงาม ซึ่งเมื่อน้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก ผู้สร้างก็ไม่รอช้าคิดบทสดด่วนๆ เพื่อทำภาคต่อทันที กลายเป็นว่าจากหนังตลกน้ำดีที่หาได้ยากในเมืองไทย กลับกลายเป็นหนังตลกดาษดื่นตามท้องตลาดเมืองไทยไปซะงั้น

ภาคนี้เรื่องราวต่อจากตอนจบภาคแรกทันที ด้วยการมาของพ่อของจ๋าย (เต๋า สมชาย เข็มกลัด) ที่มากรุงเทพแล้วพบเจอศักรินทร์กำลังป้อล้อลูกสาวอยู่พอดี จึงตามไล่ล่าแล้วก็กลายเป็นเรื่องราวการขอทำความรู้จักครอบครัวของพระเอก ซึ่งก็กลายเป็นการยกเอาตัวตัวละครเก่ามายกก๊วน เรียกเสียงฮาให้เรื่องราวครั้งใหม่ที่มี “ศักดา” พ่อของจ๋ายเป็นศูนย์กลางของเรื่อง
เนื้อหาหลักภาคนี้บทเล่นวงแคบลงมากๆ ทุกอย่างโฟกัสไปที่ภารกิจพิชิตใจพ่อจ๋าย ซึ่งบทศักดาพ่อจอมบงการชีวิต หวงลูกสาวเป็นที่ 1 ไม่ได้มีมุกตลกให้ตบให้ชงแล้วหัวเราะโดยตรง แต่เป็นตลกจากท่าทางขึงขังของคาแรกเตอร์แบบนี้เอง ซึ่งเต๋าสมชายก็เล่นได้ดี มีความกวนเฮี๊ยบๆ จนกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกหนังไบค์แมนเพิ่มมาอีกคนได้สบายๆ (และก็เป็นตัวละครหลักหน้าใหม่คนเดียวที่เพิ่มเข้ามาด้วย)
เมื่อหนังเล่นเรื่องราวต่อจากภาคแรกทันที แถมเลือกเล่นหลักๆ อยู่แค่ที่โลเกชั่นเล็กๆ ในบ้านต่างจังหวัดกับเหมืองระเบิดหินของพ่อจ๋าย ก็เลยกลายเป็นการหยิบยืมมุกภาคเก่ามาซะเยอะ อย่างมุกปลอมตัวของก๊วนวินมอเตอร์ไซด์ของศักรินทร์ก็ยกมาใช้แบบรีไรท์ใหม่แค่นั้น ตัวละครก็แทบไม่ได้มีพัฒนาการอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่ถ้าใครประทับใจรักในตัวละครแบบเดิมๆ อยู่แล้ว ก็คงโอเคกับการยกมาทั้งกระบิชุดเดิมหมดแบบนี้

แต่ถ้าคาดหวังหนังตลกควบรวมกับดราม่าดีๆ แบบที่ภาคก่อนมีให้ ก็คงต้องทำใจยาก เพราะภาคนี้แทบไม่มีความลึกซึ้งของเนื้อหาดราม่าเลย เนื้อหาส่วนหลักมีแต่ความพยายามยัดเยียดมุกตลกจากภาคก่อนเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นจากในหนังตัวอย่างกันไปเกือบหมดแล้ว กลายเป็นหนังตลกสูตรสำเร็จที่อาจจะไม่แป๊ก แต่ก็ไม่ได้สำเร็จน่าประทับใจไปพร้อมกับดราม่าดีๆ ที่แฝงไว้ในเนื้อหาเนียนๆ แบบภาคแรก ซึ่งนี่เป็นส่วนสำคัญที่ผมคาดหวังว่าหนังจะยังคงรักษาไว้ แต่กลายเป็นว่าหนังละทิ้งส่วนที่ทำให้หนังดูประทับใจบอกต่อกันปากต่อปากนี้ไป ซึ่งนี่เป็นหัวใจหลักเลยที่ทำให้หนังทำรายได้ยืนยาวจนประสบความสำเร็จแบบม้ามืด
นอกจากนี้แก่นของเนื้อหาความพยายาม ความรัก ความทุ่มเทของศักรินทร์ในการพิชิตใจจ๋ายจากภาคแรกก็หดหายไป เหลือแค่ฉากพยายามเอาใจพ่อตาในอนาคตของศักรินทร์ ซึ่งก็เข้าใจว่าบทหนังโฟกัสไปที่ภารกิจตรงนี้ แต่ก็น่าจะเกลี่ยบทมายังเรื่องราวของทั้งคู่ให้มากขึ้น ซึ่งพอมันแห้งแล้งมาก อารมณ์กุ๊กกิ๊กน่ารักของทั้งคู่ก็เลยหายไปเกือบหมด กว่าจะมาก็โผล่ตอนท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่แฟนเรื่องนี้ในภาคแรกน่าจะต้องการมากที่สุด มากกว่าพวกมุกตลกทั้งหลายในเรื่องเสียด้วยครับ

แม้ว่าบทรักกุ๊กกิ๊กจะน้อย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีส่วนนี้ออกมา จ๋ายก็ยังเล่นได้อย่างน่ารักน่าชัง ประกอบเข้ากับเสียงเหน่อเล็กๆ เป็นการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติเอามากๆ เรียกว่าเป็นนางเอกที่แม้ไม่สวยเตะตา แต่ก็มีเสน่ห์เหลือล้นเกินตัวกับบทที่เหมาะเอามากๆ แบบนี้ เชื่อว่าไม่ใช่แค่ศักรินทร์ที่หลงรักจ๋าย แม้แต่เราคนดูก็ยังเทใจให้กับเธอจริงๆ แต่เสียดายที่เรื่องราวตามฝันการเป็นนักบินของจ๋ายไม่ได้มีสานต่อ เช่นเดียวกับศักรินทร์เองก็ไม่ได้มีพัฒนาการเพิ่มจากภาคก่อน จนแอบเสียดายว่าน่าจะเพิ่มประเด็นเรื่องราวความยากลำบากในการทำงานแบงค์มาด้วย (ซึ่งขนาดจ๋ายยังทนไม่ไหวลาออก) แต่พีช พชร จิราธิวัฒน์ ก็ยังคงการแสดงใสๆ ในบทอ่อนน้อมถ่อมตนแบบมีเสน่ห์ รวมเคมีที่เข้ากั้นเข้ากันกับบทนางเอกของจ๋าย ก็ทำให้ทั้งสองคนนี้สอบผ่านเป็นตัวชูโรงที่แบกหนังไว้ให้น่าติดตาม มากกว่าพวกมุกตลกจากตัวละครสมทบในเรื่องซะอีก
ด้านทีมนักแสดงคือเต็มที่ครบทีมจริงๆ สร้างสีสันให้กับตัวเรื่องได้ดี เติมเต็มอรรถรสของหนังให้คนดูได้รับแต่ความสนุก ความบันเทิง และความสุขกลับไปอย่างเต็มๆ ยิ่ง “น้าค่อม ชวนชื่น” กับ “เต๋า สมชาย” คือสุดอะ ขยี้ทุกซีนจริงๆ และเสริมด้วย “โรเบิร์ต สายควัน” รับประกันว่าขำแน่นอน คือเด็ดจริงๆ เป็นเหล่าตัวโจ๊กที่ยืน 1 ของเรื่อง
สรุปเลยละกัน “ไบค์แมน 2” เป็นภาคต่อที่ดูแล้วยังคงความสนุก ความฮา และเพิ่มเติมคือความน่ารัก ความอบอุ่นที่เพิ่มขึ้นจากภาคแรก เป็นส่วนเติมเต็มได้น่าชื่นชมและประทับใจเลย แนะนำว่าควรค่าแก่การดูอย่างแน่นอน